จั๊กกะบุ๋ม ยอมรับหักหลัง บาส เจ้าของร้านเครื่องเสียง อุบเงินเกือบ 7 หมื่น ไม่มีอะไรแก้ตัว ไม่ได้โกรธน้อง รอหมายเรียก
จากกรณีที่มีเจ้าหนี้อีกรายของ จั๊กกะบุ๋ม ได้ออกมาโพสต์ทวงเงินลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง พร้อมระบุข้อความเอาไว้ว่า ได้เดินมาแจ้งความเอาผิด กับตลกที่กำลังมีข่าวฉ้อโกง
โดยตลกรายนี้รับเงินค่าเครื่องเสียงจากร้านอาหารที่ผมไปติดตั้งมาแล้ว แต่ไม่ยอมมาชำระให้กับทางร้านเรา ตั้งแต่เดือน 6 ปีที่แล้ว เป็นจำนวนเงิน 65,000 บาท จนมาถึงวันนี้ชำระมาแค่ 4,000 บาทเท่านั้น
และวันนี้ตลกรายนี้ก็ยังไม่ให้คำตอบ วันนัดชำระยอดที่เหลือกับทางร้านเราเลย ทวงถามไปก็ไม่ยอมให้คำตอบใด ๆ ทั้งสิ้น รายละเอียดทั้งหมด ผมจะเอามาลงให้ทราบอีกครั้งครับ
-
กรรมนั้นสนอง ตั๊ก ศิริพร โพสต์เจ้าหนี้อีกราย จั๊กกะบุ๋ม โผล่แจ้งความ ลั่นน้องคนดี
ล่าสุด จั๊กกะบุ๋ม เปิดใจเรื่องนี้กับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า “กับน้องบาสต้องบอกว่าผมไปหักหลังน้อง เหมือนผมแอบเอาเงินน้องไปใช้ก่อนนะตอนนั้น ทั้งๆ ที่ผมควรที่เอาเงินไปให้น้องค่าเครื่องเสียงตอนนั้น แต่ผมเอาเงินไปใช้ก่อน
จริงๆ มีการพูดคุยมาก่อนหน้านี้แล้ว และมีการนัดชำระเพิ่ม เมื่อกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ผมเลื่อนมาแล้วก็ไม่ได้ติดต่อน้อง เพราะผมไม่กล้ารับปากน้อง เพราะว่าผมไม่มีตังค์
เขาถามพี่เอาไง ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่กล้ารับปาก เราคิดว่าเดี๋ยวงานพ่อหม่ำเสร็จเรามีตังค์ เพื่อให้แม่และให้น้อง เราคิดว่ามันน่าจะขยับขยายตรงนั้นได้แล้ว ผมคิดอย่างนั้นอย่างเดียว เพราะว่าผมรองานใหญ่งานเดียว คืองานของพ่อหม่ำนี่แหละ
ผมเห็นที่น้องเข้าแจ้งความ ซึ่งเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราทำไปแล้ว ผมไม่ได้โกรธน้องนะ ผมบอกตรงๆ น้องเขาคงโกรธผม ผมต้องยอมรับตรงนี้ ผมไม่มีอะไรที่จะแก้ตัว ผมผิดเองที่เอาตังค์น้องไปใช้ ไม่กล้าพูดกับน้องตรงๆ บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา”
พอเป็นคดีความแล้วเราจะเข้าไปเคลียร์กับเขาตรงๆไหม?
“ตอนนี้มันเป็นกระบวนของการแจ้งความแล้ว เดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา แล้วก็ต้องมีการไกล่เกลี่ย จะต้องมีการตกลง ตอนนี้พร้อมที่จะขยับขยายแล้ว ทั้งแม่ปูนา ทั้งตัวน้องบาสเอง และอีกหลายๆ คนที่ตอนนี้สามารถทยอยคืนได้แล้ว เพราะว่าเรื่องของหนี้รายวันมันเริ่มเบาลงมาแล้ว”
งานของ หม่ำ จ๊กมก ยังมีอยู่ไหม?
“งานของพ่อหม่ำจบไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จริงๆ มันจะมีอีกงานนึง แต่ว่ามันมีข่าวออกมาแบบนี้ มันก็ไม่สะดวกใจไปสร้างความลำบากใจให้กับเจ้าของงาน เราก็เลยลงความเห็นด้วยกันทั้งเราและเจ้าของงานให้เรื่องมันเงียบไปก่อนค่อยว่ากัน”
