Home ข่าวบันเทิง พระวิระชัย ดึงสติ บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อ ไม่โลภ โกรธ หลง ในตำแหน่ง

พระวิระชัย ดึงสติ บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อ ไม่โลภ โกรธ หลง ในตำแหน่ง

31

(2พ.ค.67) ที่ธรรมสถาน มูลนิธิพุทธมหาเมตตา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พระวิระชัย เมตตาธีโร หรือ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดใจกับ ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก หลังเกษียณอายุราชการและเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2565

พระวิระชัย บอกว่า หลังเกษียณอายุราชการ จึงตัดสินใจอุปสมบททันที ในวันที่ 2ตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบันก็ 19 เดือนเศษ เจตนารมณ์ตั้งแต่บวชวันแรกคิดเอาไว้จะบวชเพียง 1 เดือน แต่เมื่อได้ปฎิบัติธรรมไปแล้วรู้สึกชอบ และเข้าถึงธรรม ตอนนี้ยังมีความสุขในการปฎิบัติธรรมอยู่ ยังไม่คิดที่จะสึกแต่อย่างใด เป็นไปได้ที่อาจบวชตลอดชีวิต

พระวิระชัย ยังกล่าวถึงสถานการณ์ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำลังเกิดความขัดแย้งกันอย่างหนักในเวลานี้ว่า อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเมตตาซึ่งกันและกัน ให้อภัยทุกอย่างจะจบได้ด้วยดี มีเมตตาธรรมต่อกัน เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งกับทั้ง 2 ฝ่าย ทุกคนก็เอาใจช่วยอยากให้ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อยากให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจอมรสุมต่างๆ ทั้งการถูกร้องเรียนวินัยร้ายแรง การมีปัญหากับผู้บังคับบัญชา ยังรู้สึกถึงเรื่องเก่าๆหรือไม่ พระวิระชัย บอกว่า ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว ไม่โกรธ ไม่เกลียดใครทั้งสิ้น ไม่อาฆาต อโหสิกรรมให้ทุกอย่างบนโลก

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ช่วงที่เป็นตำรวจอยู่ทามกลางกิเลส ตนเองก็มีกิเลส มีความโลภ โกรธ และหลง ตัณหาต่าง ๆ มองหาความสำเร็จ แม้ได้มาแต่สุดท้ายก็เสียไป เมื่อไม่ได้ดั้งใจทุกอย่างก็กลับกลายเป็นทุกข์ได้ลาภยศตำแหน่งมาสุดท้ายก็ต้องคืนไปจนหมด ตอนนี้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว ที่เคยฟ้องร้องเป็นคดีความกับใครก็ถอนฟ้องพร้อมอโหสิกรรมไปทั้งหมดแล้ว มีบางคนชดใช้กรรมไปแล้วด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวพระวีระชัยก็สนิทกับทั้ง บิ๊กต่อ และบิ๊กโจ๊ก หลังทั้งคู่มีปัญหากัน ได้มีการพูดคุยกับสองนายตำรวจหรือไม่ พระวิระชัย บอกว่า ตั้งแต่บวชมาก็ตัดขาดทางโลก ทั้ง 2 ท่านก็ไม่เคยมาโทรมาปรึกษาหรือพูดคุยใดๆ และตั้งแต่บวชมาได้เจอทั้ง 2 ท่าน เพียง 1 ครั้ง ในงานพุทธาภิเษกแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้คุยอะไรเป็นการส่วนตัว แต่จากการที่รู้จักมานาน ก็รู้ว่าทั้ง 2 ท่าน เป็นตำรวจมีบุญ มีธรรม เป็นคนดี และอยากให้ทั้ง 2 ท่านใช้หลักธรรมที่เรียกว่า ตำรวจอริยะ หัวใจพระโพธิสัตว์ คือ ต้องเป็นตำรวจที่ไม่โลภ ไม่อยากมี อยากเป็น อยากได้ตำเเหน่ง ทุกอย่างคือความทุกข์