Home ข่าวสังคม มาแล้ว! อธิบดีกรมข้าวควงภรรยา ให้ปากคำตำรวจ ปมถูกรีด 1.5 ล้าน ลั่นหลักฐานมีเยอะกว่านี้

มาแล้ว! อธิบดีกรมข้าวควงภรรยา ให้ปากคำตำรวจ ปมถูกรีด 1.5 ล้าน ลั่นหลักฐานมีเยอะกว่านี้

80

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร อายุ 49 ปี ภรรยา นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ที่ถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ ข่มขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนและถูกดำเนินคดี ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. ภายหลังจากที่นัดหมายเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

นางธัญญรัตน์ เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำว่า วันนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีดังกล่าวเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ โดยยืนยันว่ามีพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะก่อนจับก็ได้เกือบ 100% อย่างที่ตำรวจแถลงข่าวไปมีหลักฐานตามนั้น แต่อาจจะพูดเซฟไปด้วยซ้ำความเป็นจริงหลักฐานมีมากกว่านั้นเยอะ และยิ่งวันเกิดเหตุชัดเจนทุกอย่าง ทุกถ้อยคำที่ต้องให้กับเจ้าหน้าที่

  • อ่านข่าว : แฉคลิปเสียงไถเงิน คุณนายอธิบดีกรมข้าว ลั่นเคลียร์มาหลายคน จ่ายจะได้จบ
  • อ่านข่าว : รทสช. ยันไม่เกี่ยว ‘เจ๋งดอกจิก’ เอี่ยวรีดเงิน ปลด ‘พิมณัฏฐา’ พ้นสมาชิกแล้ว
  • อ่านข่าว : คุณนายอธิบดีกรมข้าวท้าชน นัดอีก 4 คนออกสื่อพร้อมกัน ปมรีดเงิน 1.5 ล้าน

ถามว่าคำกล่าวอ้างว่าไม่ได้เรียกรับเงินนั้น เป็นเรื่องของพวกเขา ส่วนอันนี้เป็นเรื่องของเรา ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาพยายามต่อรองนั้น ยังไม่เห็นเนื่องจากทำงานส่วนตัวของตัวเองก็รู้สึกเหนื่อย งานค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับการเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนี้

เมื่อถามว่าอธิบดีกรมการข้าวบริสุทธิ์หรือไม่ นางธัญญรัตน์ กล่าวว่า ขอให้ไปดูตามสื่อและตรวจสอบดู พฤติกรรมต่างๆ เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ต่อข้อสักถามว่าทำไมถึงต้องเรียกรับเงินจากเรานั้น ขอให้ไปถามเขา ส่วนพร้อมที่จะตรวจสอบทุกอย่างหรือไม่ยืนยันว่า ตนเอาบัญชีมา 20 กว่าเล่มให้ตำรวจตรวจสอบว่า บัญชีมีความผิดปกติหรือไม่ และเอาหลักฐานที่มีทั้งหมดช่วยเหลือตนหน่อยว่าจะทำอะไรได้บ้าง

ถามว่าคู่กรณีทั้ง 2 คนได้ติดต่อกลับมาหรือไม่ภายหลังจากเป็นข่าว นางธัญญรัตน์ กล่าวว่า ขณะยังไม่ได้มีใครติดต่อกลับมาแต่อย่างใด แต่ติดต่อมาระหว่างมีเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าตนได้ให้หลักฐานกับตำรวจไปหมดแล้ว หากต้องการขอให้ติดต่อตำรวจ เพราะต้องเซฟตำรวจด้วยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ส่วนจะให้ตำรวจตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แล้วแต่ตำรวจจะดำเนินการได้เลย

แต่ตนเชื่อว่าเขาดำเนินการตรวจสอบเรามากกว่าตรวจสอบพวกเขา เพราะกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพวกเราได้ต้องตรวจสอบตนเองก่อนหรือไม่ เรื่องดังกล่าวเราวางแผนมาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน เขาจะไปจับใครสักคนนึงเขาต้องตรวจสอบเราที่เป็นคนร้องก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่จู่ๆ ไปจับมาเลย ต้องมี พ.ร.บ.หรือข้อกฎหมายใดก่อนหรือไม่ เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น ตนเห็นใจตำรวจมาก เพราะเขาเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาบ้านเมือง ตำรวจทำงานหนักกันทุกคน ไม่ใช่ฟังและเชื่อเลยทันที ต้องตรวจสอบ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตำรวจต้องรับผิดชอบ